Perú
ประเทศเปรูContext of ประเทศเปรู
เปรู (สเปน: Perú [peˈɾu]; เกชัว: Piruw [pɪɾʊw]; ไอมารา: Piruw [pɪɾʊw]) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเปรู (สเปน: República del Perú ) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ มีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับประเทศเอกวาดอร์และประเทศโคลอมเบีย ทิศตะวันออกติดกับประเทศบราซิลและประเทศโบลิเวีย ทางทิศใต้ติดกับประเทศชิลี และทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก
ประเทศเปรูเป็นที่ตั้งของอารยธรรมการัล ซึ่งเป็นอารยธรรมเก่าแก่อันหนึ่งของโลก และอาณาจักรอินคา จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาก่อนยุคโคลัมบัส ต่อมาภูมิภาคนี้ตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิสเปน และได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2364
ชื่อเปรูมาจากคำว่า "บิรู" (Birú) ซึ่งเป็นชื่อของผู้ปกครองท้องถิ่นบริเวณอ่าวซานมีเกลในปานามา โดยบริเวณนี้เป็นจุดใต้สุดที่...อ่านต่อ
เปรู (สเปน: Perú [peˈɾu]; เกชัว: Piruw [pɪɾʊw]; ไอมารา: Piruw [pɪɾʊw]) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเปรู (สเปน: República del Perú ) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ มีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับประเทศเอกวาดอร์และประเทศโคลอมเบีย ทิศตะวันออกติดกับประเทศบราซิลและประเทศโบลิเวีย ทางทิศใต้ติดกับประเทศชิลี และทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก
ประเทศเปรูเป็นที่ตั้งของอารยธรรมการัล ซึ่งเป็นอารยธรรมเก่าแก่อันหนึ่งของโลก และอาณาจักรอินคา จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาก่อนยุคโคลัมบัส ต่อมาภูมิภาคนี้ตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิสเปน และได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2364
ชื่อเปรูมาจากคำว่า "บิรู" (Birú) ซึ่งเป็นชื่อของผู้ปกครองท้องถิ่นบริเวณอ่าวซานมีเกลในปานามา โดยบริเวณนี้เป็นจุดใต้สุดที่ชาวยุโรปรู้จักเมื่อครั้งนักสำรวจชาวสเปนมาถึงในปี พ.ศ. 2065 ดังนั้นเมื่อฟรันซิสโก ปิซาร์โรเดินทางสำรวจต่อไปทางใต้ จึงเรียกภูมิภาคเหล่านั้นว่าบิรูหรือเปรูด้วย จักรวรรดิสเปนรับรองชื่อนี้ในปี พ.ศ. 2072 ในเอกสาร กาปิตูลาซิออนเดโตเลโด ซึ่งตั้งจังหวัดเปรูบริเวณจักรวรรดิอินคาเดิม
รัฐอธิปไตยของเปรูเป็นตัวแทนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยที่แบ่งการปกครองออกเป็น 25 ภูมิภาค ปัจจุบันเปรูเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา โดยอยู่ในอันดับที่ 82 ในดัชนีการพัฒนามนุษย์ของโลกและมีแนวโน้มการพัฒนาคุณภาพมนุษย์อยู่ในระดับสูง ประชากรเปรูมีรายได้ในระดับปานกลางและยังคงมีอัตราความยากจนอยู่ราว 19 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเปรูถือเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจมากที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคอเมริกาใต้ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5.9% รวมทั้งมีอัตราการเติบโตทางอุตสาหกรรมที่เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่อัตราเฉลี่ย 9.6% กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศได้แก่ การขุดเจาะ การทำเหมือง การผลิต เกษตรกรรม และการประมง พร้อมกับกิจกรรมภาคเศรษฐกิจส่วนอื่น ๆ ที่กำลังเติบโต เช่น โทรคมนาคมและเทคโนโลยีชีวภาพ ประเทศเปรูเป็นส่วนหนึ่งของ The Pacific Pumas ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศทางการเมืองและเศรษฐกิจตามแนวชายฝั่งแปซิฟิกของลาตินอเมริกาที่มีแนวโน้มร่วมกันของการเติบโตในเชิงบวก ประชากรของเปรูมียังเสรีภาพทางสังคมและการดำรงชีวิตสูง
เปรูถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์สูงโดยมีประชากรจากหลายภูมิภาค เช่น ชาวอินเดียน-อเมริกัน ชาวยุโรป ชาวแอฟริกา รวมถึงชาวเอเชีย ภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสารโดยทั่วไปคือภาษาสเปน และยังมีภาษาท้องถิ่นอีกมากมายตามแถบชนบทของประเทศ เช่น ภาษาไอมารา ภาษาเกชัว ความหลากหลายทางวัฒนธรรมดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นผ่านวิถีชีวิตของชาวเปรูในหลายแง่มุม เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ดนตรี อาหาร การแต่งกาย เป็นต้น
More about ประเทศเปรู
- Native name Perú
- Calling code +51
- Internet domain .pe
- Mains voltage 220V/60Hz
- Democracy index 6.53
- Population 29381884
- Area 1285216
- Driving side right
- ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์เปรูยุคก่อนอินคา
ปรากฏร่องรอยของมนุษย์กลุ่มแรกในบริเวณประเทศเปรูตั้งแต่ประมาณ 10,000 ปีก่อนพุทธศักราช[1] อารยธรรมการัลซึ่งเป็นสังคมที่เก่าแก่ที่สุดในเปรูเจริญขึ้นบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในระหว่าง 2,500 ถึง 1,300 ปีก่อนพุทธศักราช[2]
จาก หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่หลงเหลืออยู่มากมายในประเทศเปรู แสดงให้เห็นว่ามีอารยธรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นในทวีปอเมริกาใต้ในยุคก่อนอินคา อารยธรรมชาบินเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดอารยธรรมหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ ศูนย์กลางอยู่บริเวณชายฝั่งตอนกลางของเปรู โบราณสถานที่สำคัญคือ ชาบินเดวันตาร์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลิมา
ในยุคต่อมา อารยธรรมโมเชพัฒนาขึ้นบริเวณชายฝั่งตอนเหนือของเปรู และภายหลังพัฒนากลายเป็นอารยธรรมชีมู ส่วนทางตอนใต้ของเปรู อารยธรรมนัซกาได้ถือกำเนิดขึ้นบริเวณชายฝั่งในช่วงระยะเวลาเดียวกับอารยธรรมโมเช ร่องรอยอารยธรรมที่สำคัญคือเส้นนัซกา นอกจากนี้ ยังมีอารยธรรมตีวานากู ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ใกล้กรุงลาปาซในประเทศโบลิเวีย และอารยธรรมอัวรีซึ่งมีศูนย์กลางอยู่บริเวณแคว้นไออากูโชทางตอนใต้ของเปรู[3]
...อ่านต่อRead lessดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์เปรูยุคก่อนอินคาปรากฏร่องรอยของมนุษย์กลุ่มแรกในบริเวณประเทศเปรูตั้งแต่ประมาณ 10,000 ปีก่อนพุทธศักราช[1] อารยธรรมการัลซึ่งเป็นสังคมที่เก่าแก่ที่สุดในเปรูเจริญขึ้นบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในระหว่าง 2,500 ถึง 1,300 ปีก่อนพุทธศักราช[2]
จาก หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่หลงเหลืออยู่มากมายในประเทศเปรู แสดงให้เห็นว่ามีอารยธรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นในทวีปอเมริกาใต้ในยุคก่อนอินคา อารยธรรมชาบินเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดอารยธรรมหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ ศูนย์กลางอยู่บริเวณชายฝั่งตอนกลางของเปรู โบราณสถานที่สำคัญคือ ชาบินเดวันตาร์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลิมา
ในยุคต่อมา อารยธรรมโมเชพัฒนาขึ้นบริเวณชายฝั่งตอนเหนือของเปรู และภายหลังพัฒนากลายเป็นอารยธรรมชีมู ส่วนทางตอนใต้ของเปรู อารยธรรมนัซกาได้ถือกำเนิดขึ้นบริเวณชายฝั่งในช่วงระยะเวลาเดียวกับอารยธรรมโมเช ร่องรอยอารยธรรมที่สำคัญคือเส้นนัซกา นอกจากนี้ ยังมีอารยธรรมตีวานากู ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ใกล้กรุงลาปาซในประเทศโบลิเวีย และอารยธรรมอัวรีซึ่งมีศูนย์กลางอยู่บริเวณแคว้นไออากูโชทางตอนใต้ของเปรู[3]
ยุคอินคาดูเพิ่มที่: จักรวรรดิอินคาอาณาจักรอินคาก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 18 แต่เริ่มมีอำนาจขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1981 ในสมัยของปาชากูตี กษัตริย์องค์ที่ 9 อินคาค่อย ๆ ขยายอาณาเขตออกไปจากศูนย์กลางที่เมืองกุสโกทั้ง โดยวิธีทางการทูตและการสู้รบ จักรวรรดิขยายใหญ่จนถึงที่สุดในยุคของไวนา กาปัก กษัตริย์องค์ที่ 11 ครอบคลุมบริเวณชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ ตั้งแต่บริเวณตอนใต้ของประเทศโคลอมเบียไปจนถึงตอนกลางของประเทศชิลี รวมทั้งบริเวณประเทศโบลิเวีย และตอนเหนือของประเทศอาร์เจนตินา
ก่อนที่ไวนา กาปักจะสวรรคต ได้ทรงแบ่งดินแดนอินคาให้แก่อาตาวัลปาและวัสการ์ พระราชโอรสทั้งสอง แต่พระราชโอรสทั้งสองไม่พอพระทัย ต้องการปกครองแผ่นดินแต่เพียงพระองค์เดียว จึงเกิดการสู้รบเพื่อแย่งแผ่นดินกันขึ้น ในที่สุดอาตาวัลปาก็เป็นฝ่ายชนะ
ในขณะที่ดินแดนอินคากำลังวุ่นวายด้วยสงครามแย่งชิงอำนาจและโรคระบาด ฟรันซิสโก ปิซาร์โร นักสำรวจชาวสเปนกับ กำลังพลเพียง 167 คน ได้เดินทางมาเข้าพบอาตาอวลปาขณะที่กำลังพักผ่อนหลังเสร็จสงครามและจับพระองค์เป็นตัวประกัน ชาวอินคามอบทองคำและเงินเป็นจำนวนมากให้แก่ปิซาร์โรเพื่อเป็นค่าไถ่ให้ปล่อย ตัวจักรพรรดิของตน แต่ปิซาร์โรกลับไม่ยอมรักษาคำพูดและประหารพระองค์ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2075[4]
การปกครองของสเปนในปี พ.ศ. 2075 กองทัพผู้พิชิตของสเปนนำโดยฟรันซิสโก ปิซาร์โร เอาชนะจักรพรรดิอินคาอาตาอวลปา และผนวกเข้าอยู่ใต้การปกครองของสเปน ปิซาร์โรตั้งเมืองหลวงใหม่ที่ลิมาซึ่งกลายเป็นเมืองหลวงของประเทศเปรูในปัจจุบัน สิบปีถัดมา จักรวรรดิสเปนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คได้ตั้งเขตอุปราชแห่งเปรู ซึ่งครอบคลุมอาณานิคมในอเมริกาใต้เกือบทั้งหมด[5] ประมาณสามสิบปีถัดมา อุปราชฟรันซิสโก เด โตเลโด จัดระเบียบดินแดนในปกครองของตนใหม่ ด้วยการทำเหมืองแร่เงินเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักและใช้แรงงานชาวพื้นเมือง[6] ทองแท่งจากเปรูเป็นแหล่งรายได้ของเจ้าสเปนและส่งเสริมเครือข่ายการค้าที่ซับซ้อนที่ไปไกลถึงยุโรปและฟิลิปปินส์[7] อย่างไรก็ตาม ในอีกสองศตวรรษต่อมา การผลิตแร่เงินและการกระจายของเศรษฐกิจที่ลดลงทำให้รายได้ของเจ้าสเปนลดลง[8] จึงทำให้สำนักเจ้าของสเปนประกาศการปฏิรูปบูร์บง ซึ่งประกอบด้วยพระราชกฤษฎีกาเพิ่มภาษีและแยกส่วนเขตอุปราชแห่งเปรู[9] กฎหมายใหม่นี้กระตุ้นให้เกิดการกบฏของตูปัก อามารูที่ 2 และความพยายามปฏิวัติอื่น ๆ ซึ่งพ่ายแพ้ทั้งหมด[10] ในช่วงสงครามประกาศเอกราชในอเมริกาใต้ เปรูยังคงเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายสนับสนุนกษัตริย์ แต่เปรูก็กลายเป็นประเทศเอกราชจากการต่อสู้ของโฆเซ เด ซาน มาร์ติน และซิมอน โบลิบาร์[11]
สาธารณรัฐเปรูในช่วงแรกของการเป็นสาธารณรัฐ การแก่งแย่งชิงอำนาจของผู้นำทางทหารก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมือง[12] อัตลักษณ์ของชาติถูกสร้างขึ้นในยุคนี้ จากการที่แนวความคิดสหพันธ์อเมริกาใต้ของโบลิบาร์และสหภาพกับโบลิเวียไม่ประสบความสำเร็จ[13] ช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 24 เปรูมีเสถียรภาพภายใต้การนำของประธานาธิบดีรามอน กัสติยา ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการส่งออกปุ๋ยขี้นก (guano)[14] อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรเหล่านี้ถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว เปรูมีหนี้สินอย่างหนัก และการต่อสู้ทางการเมืองก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง[15]
เปรูพ่ายแพ้ต่อชิลีในสงครามมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2422 ถึง 2427 เสียดินแดนจังหวัดอาริกาและตาราปากาในสนธิสัญญาอังกอนและลิมา หลังจากปัญหาภายในประเทศหลังสงคราม เปรูกลับมามีเสถียรภาพภายใต้การนำของพรรคซิบิล ซึ่งสิ้นสุดลงหลังเอากุสโต เบ. เลกิอา ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ[16] เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทำให้เลกิอาถูกล้มจากอำนาจ และกำเนิดพันธมิตรประชาชนปฏิวัติอเมริกา (Alianza Popular Revolucionaria Americana)[17] การแข่งขันระหว่างกลุ่มนี้กับกลุ่มชนชั้นสูงและกองทัพเป็นส่วนสำคัญของการเมืองเปรูในอีกสามทศวรรษถัดมา[18]
ในปี พ.ศ. 2511 กองทัพเปรูนำโดยนายพลฆวน เบลัสโก อัลบาราโด ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากประธานาธิบดีเฟร์นันโด เบลาอุนเด รัฐบาลใหม่ทำการปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนมากเท่าไรนัก[19] ในปี พ.ศ. 2518 นายพลฟรันซิสโก โมราเลส เบร์มูเดซ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนเบลัสโก ยุติการปฏิรูปและนำประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง[20] หลังยุคของโมราเลสในปี 2523 เปรูประสบปัญหาหนี้ต่างประเทศสูง เงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ การขนส่งยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และปัญหาการเมืองที่การใช้กำลังอย่างรุนแรง[21] ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอัลเบร์โต ฟูฆิโมริ พ.ศ. 2533-2543 ประเทศเปรูก็เริ่มฟื้นตัวด้วยการปฏิรูปทางการเมืองและการปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้าย แต่ฟูฆิโมริก็ถูกกล่าวหาเรื่องอำนาจนิยม การทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้เขาต้องลาออกและหนีออกนอกประเทศหลังจากการเลือกตั้งครั้งปัญหาในปี พ.ศ. 2543[22] ประชาธิปไตยกลับคืนสู่เปรูอีกครั้งในสมัยของประธานาธิบดีอาเลฆันโดร โตเลโด ซึ่งนับแต่นั้นเป็นต้นมา เปรูพยายามกำจัดการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่และสามารถรักษาสภาพทางเศรษฐกิจที่ดีไว้ได้[23]
↑ Tom Dillehay et al, "The first settlers", p. 20. ↑ Jonathan Haas et al, "Dating the Late Archaic occupation of the Norte Chico region in Peru", p. 1021. ↑ "South American Sites & Culures". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-02. สืบค้นเมื่อ 2008-05-26. Minnesota State University Mankato (อังกฤษ) ↑ Terence N. D'Altroy, The Incas, Blackwell Publishing, 2002 ↑ Recopilación de leyes de los Reynos de las Indias, vol. II, pp. 12-13. (สเปน) ↑ Peter Bakewell, Miners of the Red Mountain, p. 181. (อังกฤษ) ↑ Margarita Suárez, Desafíos transatlánticos, pp. 252-253. (สเปน) ↑ Kenneth Andrien, Crisis and decline, pp. 200-202. (อังกฤษ) ↑ Mark Burkholder, From impotence to authority, pp. 83-87. (อังกฤษ) ↑ Scarlett O'Phelan, Rebellions and revolts in eighteenth century Peru and Upper Peru, p. 276. (อังกฤษ) ↑ Timothy Anna, The fall of the royal government in Peru, pp. 237-238. (อังกฤษ) ↑ Charles Walker, Smoldering ashes, pp. 124–125.(อังกฤษ) ↑ Paul Gootenberg, Between silver and guano, p. 12. (อังกฤษ) ↑ Paul Gootenberg, Imagining development, pp. 5–6. (อังกฤษ) ↑ Paul Gootenberg, Imagining development, p. 9. (อังกฤษ) ↑ Ulrich Mücke, Political culture in nineteenth-century Peru, pp. 193–194. (อังกฤษ) ↑ Peter Klarén, Peru, pp. 262–276. (อังกฤษ) ↑ David Palmer, Peru: the authoritarian tradition, p. 93. (อังกฤษ) ↑ George Philip, The rise and fall of the Peruvian military radicals, pp. 163–165. (อังกฤษ) ↑ Daniel Schydlowsky and Juan Julio Wicht, "Anatomy of an economic failure", pp. 106–107. (อังกฤษ) ↑ Peter Klarén, Peru, pp. 406–407. (อังกฤษ) ↑ BBC News, Fujimori: Decline and fall. 20 พ.ย. 2543 เรียกข้อมูลวันที่ 13 ก.ค. 2551. (อังกฤษ) ↑ "Survivor Toledo". The Economist. 2005-01-09. สืบค้นเมื่อ 2008-07-31. (อังกฤษ)